วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดกาฬสินธุ์

อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร (ท้าวโสมพะมิตร)

อำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์
ตั้งอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นอนุสาวรีย์หล่อด้วยสัมฤทธิ์เท่าตัวจริง ยืนบนแท่นมือขวาถือกาน้ำ มือซ้ายถือดาบอาญาสิทธิ์ ชาวกาฬสินธุ์ทุกหมู่เหล่าได้สละทรัพย์ก่อสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตา ต่อผู้ให้กำเนิดเมืองกาฬสินธุ์


พิพิธภัณฑ์สิรินธร

อำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
พิพิธภัณฑ์สิรินธร ตั้งอยู่ที่เชิงภูกุ้มข้าว อำเภอสหัสขันธ์ สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางกาฬสินธุ์-สหัสขันธ์ (ทางหลวง 227) ประมาณ 28 กิโลเมตร (ก่อนถึงสหัสขันธ์ 2 กิโลเมตร) มีทางแยกขวาไปอีก 1 กิโลเมตร บริเวณภูกุ้มข้าว ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ของวัดสักกะวัน เป็นสถานที่ค้นพบกระดูกไดโนเสาร์จำนวนมาก รวมทั้งโครงกระดูกไดโนเสาร์ทั้งตัวที่สมบูรณ์ ที่ฝังอยู่ในพื้นดินและได้รับการขุดแต่ง โดยเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณี
พิพิธภัณฑ์สิรินธร หรือพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว เป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์ ที่สมบูรณ์แบบและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า "พิพิธภัณฑ์สิรินธร" การจัดแสดงภายในอาคารแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การกำเนิดโลก ส่วนที่ 2 การกำเนิดของสิ่งมีชีวิตซึ่งรวมถึงไดโนเสาร์ จนถึงการกำเนิดมนุษย์ ส่วนที่ 3 เป็นนิทรรศการหมุนเวียน ปัจจุบันกำลังจัดแสดงนิทรรศการ “ซากดึกดำบรรพ์ปลาภูน้ำจั้น” ซึ่งเป็นซากปลาน้ำจืดโบราณพันธุ์ใหม่ของโลกซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มีชื่อว่า "เลปิโดเทส" มีความยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตรอยู่ในยุคมีโซโซอิก หรือ 65 ล้านปีที่แล้ว ช่วงเดียวกับไดโนเสาร์
พิพิธภัณฑ์สิรินธร เปิดให้บริการทุกวัน (ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด) เวลา 8.30-17.30 น. ขณะนี้เปิดให้เข้าชมฟรีจนกว่าจะประกาศเปิดอย่างเป็นทางการต่อไป หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 4387 1014

นอกจากนี้ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งของวัดสักกะวัน เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบันดาลฤทธิผล (หลวงพ่อบ้านด่าน) พระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยทวารวดี ซึ่งชาวบ้านในท้องถิ่นถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง

เมืองฟ้าแดดสงยาง

อำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์
เมืองฟ้าแดดสงยาง ตั้งอยู่ที่บ้านเสมา ตำบลหนองแปง ห่างจากตัวจังหวัด 19 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 214 (กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด) ระยะทาง 13 กิโลเมตร ถึงอำเภอกมลาไสย เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2367 ระยะทาง 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยอีกประมาณ 400 เมตร เมืองฟ้าแดดสงยาง หรือที่เรียกเพี้ยนเป็นฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกเมืองเสมาเนื่องจาก แผนผังของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2ชั้น ความยาวของคันดินโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางคันดินทั้งสอง จากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบ ทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมือง มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แล้วได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ดังหลักฐานทางพุทธศาสนา ที่ปรากฏโดยทั่วไปทั้งภายในและนอกเมือง เช่น ใบเสมาหินทราย จำหลักภาพเรื่องชาดก และพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมาราม ซึ่งอยู่ภายในเมือง บางแห่งอยู่ในตำแหน่งดั้งเดิมที่พบ และบางส่วนก็นำไปเก็บรักษา และจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีซากศาสนสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ภายในเมืองและนอกเมือง เช่นพระธาตุยาคู และกลุ่มเจดีย์บริเวณศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด และโนนฟ้าแดด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองฟ้าแดดสงยาง เป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2479
พระธาตุยาคู หรือพระธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐ ปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัยด้วยกันคือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิม เป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ รอบ ๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกันว่าในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงคราม ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดด แต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ชาวบ้านจะจัดให้มีงานประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นการขอฝนและความร่มเย็นให้กับหมู่บ้าน

เขื่อนลำปาว

อำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
เขื่อนลำปาว เป็นเขื่อนดินซึ่งสร้างปิดกั้นลำน้ำปาว และห้วยยาง มีบริเวณเขตติดต่อระหว่างตำบลลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี และตำบลเว่อ อำเภอยางตลาด ตามเส้นทางหมายเลข 209 ทางหลวงสายกาฬสินธุ์-มหาสารคาม ตรงหลักกิโลเมตรที่ 10 แยกขวามือเข้าเขื่อนลำปาวตามถนนลาดยาง 26 กิโลเมตร เป็นเขื่อนดินสูงจากท้องน้ำ 33 เมตร สันเขื่อนยาว 7.8 เมตร กว้าง 8 เมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2506 สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2511 เพื่อปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยาง ที่บ้านหนองสองห้อง ตำบลลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ทำให้เกิดอ่างเก็บน้ำแฝดทางด้านเหนือเขื่อน จึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสอง เก็บน้ำได้ 1,430 ล้านลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้แก่ หาดดอกเกด ซึ่งเปรียบเสมือนสวรรค์ชายหาดของคนอีสาน

น้ำตกผานางคอย

อำเภอเขาวง จ.กาฬสินธุ์
น้ำตกผานางคอย เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ไหลมาจากเทือกเขาภูพาน แบ่งเป็นชั้นๆ มีความสวยงามมาก สภาพป่าโดยรอบเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ และลักษณะเด่นคือ มีน้ำไหลตลอดปีแม้ในฤดูแล้ง

การเดินทาง จากสี่แยกอำเภอเขาวงทางหลวงหมายเลข 2291 เดินทางเข้าทาง รพช. มีป้ายตรงไปน้ำตกผานางคอยระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร (ทางบางช่วงจะเป็นลูกรัง)


น้ำตกตาดทอง

อำเภอเขาวง จ.กาฬสินธุ์
น้ำตกตาดทอง อยู่ในเขตอำเภอเขาวง บนเส้นทาง เขาวงดงหลวง-มุกดาหาร เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามด้วยโขดหินสลับซับซ้อน ในฤดูฝนจะเป็นช่วงที่สวยงามที่สุด น้ำตกตาดทองจะจัดให้มีงานขึ้นทุกๆ ปี ในช่วงเดือนตุลาคม รถยนต์สามารถเดินทางเข้าถึงน้ำตกได้โดยสะดวก

การเดินทาง เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 2291 ถึงสามแยกกุดปลาเค้าเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2287 กิโลเมตรที่ 76 น้ำตกจะอยู่ทางขวามือ


ผาเสวย

อำเภอท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์
ผาเสวย อยู่บนเทือกเขาภูพาน เขตบ้านแก้งกะอาม ตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ ห่างจากที่ว่าการอำเภอสมเด็จ 17 กิโลเมตร หรืออยู่ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ 58 กิโลเมตร เส้นทางสายสมเด็จ-สกลนคร เดิมชาวบ้านเรียกว่า “ผารังแร้ง” เมื่อ พ.ศ. 2497 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จผ่านและเสวยพระกระยาหารกลางวัน จึงเรียกที่ประทับนั้นว่า “ผาเสวย” ลักษณะตั้งอยู่บนเหวลึก หน้าผาสูงชัน ชาวบ้านเรียกว่า “เหวหำหด” บนหน้าผาเสวยสามารถชมทัศนียภาพ และเป็นที่พักผ่อนได้เป็นอย่างดี


กลุ่มทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน

อำเภอคำม่วง จ.กาฬสินธุ์
กลุ่มทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน อยู่ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ 70 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 227 ผ้าแพรวาเป็นผ้าไหมลายมัดหมี่ ที่มีลายเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกลุ่มทอผ้าชาวผู้ไทยบ้านโพน แบ่งออกเป็น 2 ลาย ได้แก่ ลายหลัก และลายแถบ ส่วนสีของผ้าแพรวามิได้มีเพียงสีแดงเท่านั้น ปัจจุบันนี้มีการให้สีต่างๆ มากขึ้น ตามความต้องการของตลาด เช่น สีครีม สีชมพูอ่อน สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียว เป็นต้น ซึ่งนับได้ว่าการทอผ้าแพรวา เป็นงานศิลปหัตถกรรมประเภทสิ่งทอที่หาได้น้อยแห่งในประเทศไทย ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงสนับสนุน จนเป็นที่แพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยโคกโก่ง

อำเภอกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
หมู่บ้านวัฒนธรรมไทยโคกโก่ง เป็นหมู่บ้านที่มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมชาวผู้ไทย เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่สนใจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้พักแรม (home stay) สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน กิจกรรมที่จัดให้ได้แก่ พิธีบายศรีสู่ขวัญ พิธีเหยา (การรักษาผู้ป่วย) ประเพณีลงข่วง รับประทานอาหารพื้นบ้านแบบพาแลง ชมการแสดงศิลปพื้นบ้าน และเพลิดเพลินกับการเดินชมป่าเขาลำเนาไพร น้ำตกตาดสูง-ตาดยาว ศึกษาธรรมชาติพรรณไม้และพืชสมุนไพรท้องถิ่น ตามเส้นทางเดินป่าในวนอุทยานภูผาวัว เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูสีฐาน ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 4381 9500

การเดินทาง จากอำเภอกุฉินารายณ์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 2042 ประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงบ้านนาไคร้ เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร

สถานีศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าลำปาว (สวนสะออน)

อำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
สถานีศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าลำปาว (สวนสะออน) อยู่บริเวณทิศตะวันออกของอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว มีเนื้อที่ 1,420 ไร่ เป็นสวนป่าธรรมชาติ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมป่าไม้ กรมชลประทาน กรมทางหลวง ได้ร่วมกันดำเนินการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติสวนสัตว์เปิด ได้นำสัตว์ป่าชนิดต่างๆ มาปล่อยไว้ให้อยู่แบบธรรมชาติดั้งเดิม มี “วัวแดง” เป็นสัตว์ป่าที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีฯ สภาพของป่าเป็นป่าเต็งรัง หรือป่าแดงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม การใช้บ้านพักของสถานีฯ และตั้งแค้มป์พักแรมต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่สถานีฯ หรือทำจดหมายขออนุญาตล่วงหน้าส่งไปที่ สถานีศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าลำปาว ตู้ ป.ณ. 120 อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ 46000 หรือผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ เขตบางเขน กรุงเทพฯ โทร.0 2562 0760 www.dnp.go.th
การเดินทางได้สองเส้นทาง คือ ตามเส้นทางไปเขื่อนลำปาว เมื่อถึงตัวเขื่อนจะมีทางเลียบสันเขื่อนไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางกาฬสินธุ์-สหัสขันธ์ (ทางหลวง 227) ประมาณ 19 กิโลเมตร และมีทางแยกซ้ายไปสวนสะออนอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดกาฬสินธุ์

พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์

อำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์
พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ ตั้งอยู่ ณ ศาลากลางจังหวัด (อาคารเดิม) จัดตั้งเป็นศูนย์สาธิต อาชีพหัตถกรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ประกอบด้วย ห้องจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ได้แก่
ห้องวิถีชีวิตชาวผู้ไทย ชนชาวผู้ไทยเป็นกลุ่มมอญที่อพยพมาจาก เมืองน้ำน้อยอ้อยหนูในแคว้นสิบสองจุไทย เคลื่อนย้ายผ่านเวียดนามและลาวข้ามฝั่งโขงมาอาศัยตั้งรกราก อยู่ทางอีสานของไทยโดยเฉพาะจังหวัดกาฬสินธุ์ มีชนเผ่า ผู้ไทยอาศัยอยู่ในหลายอำเภอ เช่น อำเภอเขาวง อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอคำม่วง อำเภอสมเด็จ อำเภอนาคู และกิ่งอำเภอสามชัย ภายในห้องวิถีชีวิตชาวผู้ไทยกาฬสินธุ์ ได้จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชน ชาวผู้ไทยไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เช่น การทอผ้า การทอเสื่อ เรือนผู้ไทย การเลี้ยงสัตว์ การทำเลือกสวนไร่นา เป็นต้น

ห้องพิพิธภัณฑ์แพรวาเฉลิมพระเกียรติ จัดขึ้นเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ทรงสนพระทัยในความงดงามปราณีตของผ้าไหมแพรวาไว้ในโครงการศิลปชีพพิเศษ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์อย่างยิ่ง ลายแพรวาจัดทอขึ้นด้วยการทอมือเรียบเรียงเส้นสายลายไหมผูกด้วยมือ เป็นลายจำลองจากสัตว์ เรียกว่า " ลายนาคเกี้ยว " จำลองจากพืชพันธุ์ไม้เรียกว่า " ลายดอกสร้อย " จำลองจากสิ่งประดิษฐ์ เรียกว่า " ลายปราสาท " เป็นต้น

ห้องวัฒนธรรมภาพนิทัศน์
ส่วนที่ 1 แสดงวิถีชีวิตของชุมชนที่มีวัด พระสงฆ์และหลักธรรมทางศาสนา เป็นข้อชี้นำ อาทิเช่น การแต่งงาน พิธีกรรม สะเดาะเคราะห์ การตาย มหรสพ การละเล่น หญิงคลอดลูก หมอนวด และหมอยา
ส่วนที่ 2 แสดงศักยภาพทางภูมิศาสตร์ของจังหวัด แหล่งน้ำสำคัญ การดำรงชีวิตการประกอบอาชีพ เครื่องมือยังชีพ เครื่องมือล่าสัตว์ และเครื่องมือหัตถกรรมสตรี

ห้องเจ้าเมือง ได้รวบรวมรูปปั้นจำลองของเจ้าเมือง นับจากพระยาชัยสุนทรเจ้าเมืองคนแรก พระชายา พระโอรส พระญาติและได้จัดแสดงแผนผังเครือญาติสืบสกุลมาจากเจ้าเมือง ซึ่งรวมถึงเมืองกมลาไสย เมืองกุดสิมนารายณ์ เมืองภูแล่นช้าง และเมืองสหัสขันธ์ จนมีบุตรหลานสืบสกุลหลายสาย ที่ยังเป็นนามสกุลของคนเมืองกาฬสินธุ์ในปัจจุบัน

ห้องคนดีศรีกาฬสินธุ์ รวบรวมบุคคลในจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่สมควรได้รับการยกย่องด้วยทำคุณาปการแก่บ้านเมือง เป็นคนดีศรีกาฬสินธุ์

ห้องพระพุทธมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ รวบรวมพระเครื่อง และวัตถุมงคลต่างๆ ที่สร้างในจังหวัดกาฬสินธุ์

ห้องปลอดยาเสพติด จัดแสดงแผนกลยุทธุ์ของจังหวัด ในการต่อสู้เพื่อชนะยาเสพติดจนได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ที่สามารถประกาศเป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติด ประกาศเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2545

ห้องแสดงผลงานจิตรกรรมของ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ได้แก่
- ภาพพระอาทิตย์ทรงกรด
- ภาพกิจกรรมไทยเรื่องทศชาติชาดก
- ภาพชาดกที่จัดประกอบการแสดง
ลงสีน้ำฝนและศิลปะตะวันตก ที่ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

ห้องจำหน่ายของดีเมืองกาฬสินธุ์ ได้แก่ เครื่องแต่งกายจากผ้าพื้นเมือง ขนมสินค้าที่ชุมชน และประชาชนกลุ่มแม่บ้านในจังหวัดนำมาฝากขาย

ห้องผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง ควรแก่การศึกษา เพราะได้จัดแสดงกระบวนการผลิต การปลูกและการนำผลผลิตจากมันสำปะหลังผ่านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบ

ห้องผลิตภัณฑ์จากอ้อย จัดแสดงถึงกระบวนการตั้งแต่การปลูกอ้อย การบำรุงรักษาโรคแมลของอ้อย และผลผลิตจากอ้อย ได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำตาลหลายรูปแบบส่งออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญของจังหวัดกาฬสินธุ์ อาทิเ ช่น
หอเจ้าบ้านกาฬสินธุ์ ซึ่งสร้างขึ้นพร้อมกับศาลหลักเมือง ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมืองกาฬสินธุ์และผู้คนที่มาอาศัยทำมาหากินในเมือง
กาฬสินธุ์เคารพกราบไหว้บูชา บนบานขอพรและจัดบวงสรวงเป็นประจำทุกปีในเดือนหก โดยมีพิธีทางศาสนาและพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันได้แก่ ศาลหลักเมือง หอเจ้าบ้าน อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร ศาลปู่แฮ่ ศาลปู่หาร ศาลปู่กุลาบุญโฮม และศาลปู่โง้ง ตั้งแต่สมัยการก่อตั้งเมืองกาฬสินธุ์สืบมาทุกปี

พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลาราชการหยุดเฉพาะวันจันทร์ การเข้าชมเป็นหมู่คณะหากท่านติดต่อมาเป็นทางการล่วงหน้า จะมีพิธีกรบรรยายสรุปและนำชมโดยมัคคุเทศก์น้อยของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ หรือสอบถามการเข้าชมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริเวณทางเข้าภายในอาคารพิพิธภัณฑ์
สอบถามรายละเลียดเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ โทร 0 4382 1354-6 ต่อ 106


วงเวียนโปงลาง

อำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์
วงเวียนโปงลาง ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์เมืองกำเนิดโปงลาง เครื่องดนตรี โดยศิลปินแห่งชาติ นายเปลื้อง ฉายรัศมี ผู้ประดิษฐ์ขึ้นจากเกราะหรือกะลอสมัยโบราณ นำมาประยุกต์ทำเป็นไม้ 13 ท่อน ทำจากไม้มะหาด เรียงร้อยเป็นเครื่องตี ปัจจุบันโปงลางแพร่หลายไปทั่วประเทศ รวมถึงต่างประเทศที่คนไทยไปอาศัยอยู่และนำไปเผยแพร่ วงเวียนโปงลางสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกเมื่อครั้ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงดนตรี เพลงลายเต้ยโขง และลายลมพัดพร้าว ณ วิทยาลัยนาฎศิลปกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533

วนอุทยานภูแฝก ( แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ )

อำเภอนาคู จ.กาฬสินธุ์
วนอุทยานภูแฝก ( แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ ) ตั้งอยู่หมู่ 6 บ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับกับเนินเขาไม่สูงนัก สภาพป่าเป็นป่าเต็งรังมีพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้มะค่าโมง ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่ และมีสัตว์ป่าที่พบเห็นได้ง่าย เช่นกระรอก กระแต อีเห็น กระต่ายป่า เป็นต้น เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เด็กหญิงสองคนพร้อมด้วยผู้ปกครองไปทานข้าวในวันหยุด ได้พบรอยเท้าประหลาดกลางลานหินลำห้วยเหง้าดู่ เชิงเขาภูแฝก บริเวณเทือกเขาภูพาน หลังจากนั้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่นักธรณีวิทยาพร้อมด้วยส่วนราชการ และเอกชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เดินทางไปสำรวจจึงพบว่าเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ ประเภทเทอร์โรพอด 7 รอย จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โนซอร์ชนิดกินเนื้อ อายุประมาณ 140 ล้านปี ปัจจุบันนั้นเห็นชัดเจนเพียง 4 รอย
การเดินทาง จากอำเภอเมือง ใช้เส้นทางไปอำเภอสมเด็จ(ทางหลวงหมายเลข 213 ) ถึงอำเภอสมเด็จเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางไปอำเภอกุฉินารายณ์ (ทางหลวงหมายเลข 2042 ) ประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงอำเภอห้วยผึ้ง เลี้ยวซ้ายไปกิ่งอำเภอนาคู (ทางหลวงหมายเลข 2101 ) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าวนอุทยานภูแฝกประมาณ 4.7 กิโลเมตร


แหลมโนนวิเศษ

อำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
แหลมโนนวิเศษ เป็นผืนดินที่ยื่นเข้าไปในอ่างเก็บน้ำ เขื่อนลำปาว ตั้งอยู่ที่ ต. โนนบุรี อ. สหัสขันธ์ ห่างจากตัวอำเภอไปทางทิศตะวันตกประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์อัสดงที่สวยงามมาก ปัจจุบันแหลมโนนวิเศษมีแพขนานยนต์ ที่ใช้สัญจรข้ามฟากระหว่าง อ.สหัสขันธ์ กับ อ. หนองกุงศรี จ. กาฬสินธุ์ ซึ่งสามารถบรรทุกได้ทั้งรถ 6 ล้อ และ 4 ล้อ ครั้งละ 4-10 คัน ใช้เวลาข้ามฟากประมาณ 15–20 นาที

วนอุทยานภูพระ

อำเภอท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์
วนอุทยานภูพระ อยู่ที่ตำบลท่าคันโท อำเภอท่าคันโท จากตัวเมืองใช้เส้นทาง อำเภอเมือง-อำเภอยางตลาด-อำเภอท่าคันโท อยู่ห่างจากตัวเมืองท่าคันโทไป 4 กิโลเมตร ภายในวนอุทยานประกอบด้วย สวนหินรูปร่างแปลกตาอยู่ท่ามกลางป่าเต็งรัง ครอบคลุมพื้นที่ 65,900 ไร่
ภายในวนอุทยานมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่
ผาเสวย เป็นลานหินผากว้าง มีความลึกของหน้าผาประมาณ 150-200 เมตร เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
ถ้ำเสียมสับ เป็นถ้ำของหินผาที่มีลักษณะคล้ายเสียมที่ขุดลงหิน ซึ่งเมื่ออยู่หน้าปากถ้ำจะเห็นหินผาที่สูง
ถ้ำพระรอด เป็นถ้ำที่เกิดจากการแยกตัวของหินผา ภายในถ้ำมีทางเดินกว้างประมาณ 2 เมตร ระยะทางประมาณ 30 เมตร ในสมัยก่อนจะมีพระสงฆ์มาจำพรรษาและปฏิบัติธรรมเป็นประจำ
ผาหินแยก เป็นหน้าผาที่แยกตัวเป็นทางยาวประมาณ 20 เมตร ลึก 6 เมตร ซึ่งผาที่แยกตัวออกมาจะมีลักษณะเอนเอียงเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ได้
ถ้ำพระ เป็นถ้ำที่มีความลึกประมาณ 30 เมตร ปากถ้ำกว้าง 15 เมตร มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่และราษฎรในท้องถิ่นต่างให้ความเคารพสักการะเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงสงกรานต์จะมีงานเดินขึ้นภูพระเพื่อสรงน้ำพระเป็นประจำทุกปี
การเดินทาง จากอำเภอท่าคันโท ใช้ทางหลวงหมายเลข 2299 กิโลเมตรที่16 นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางโดยรถประจำทางสายอุดรธานี-กาฬสินธุ์ ลงที่วัดสว่างถ้ำเกิ้งซึ่งอยู่บริเวณหน้าวนอุทยานฯ


กลุ่มหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่หนองห้าง

อำเภอกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
กลุ่มหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่หนองห้าง ตั้งอยู่ที่บ้านหนองห้าง ต. หนองห้าง ห่างจากอำเภอกุฉินารายณ์ประมาณ 10 กม. จากที่ว่าการอำเภอกุฉินารายณ์ไปตามถนนหมายเลข 2042 ประมาณ 2 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดยางประมาณ 8 กม. ชาวบ้านที่นี่มีฝีมือในการจักสานไม้ไผ่เป็นลวดลายผ้าขิด ฝีมือประณีตสวยงามมาก ผลิตภัณฑ์ได้แก่ กระเตาะ กระติ๊บ กระเป๋า และภาชนะต่างๆ

น้ำตกแก้งกะอาม

อำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์
น้ำตกแก้งกะอาม บ้านแก้งกะอาม ตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ตามเส้นทางกาฬสินธุ์-สกลนคร ทางหลวงหมายเลข 213 ประมาณ 55 กิโลเมตร มีแก่งหินเรียงรายเป็นแนวยาว มีลานหินกว้างเหมาะแก่การพักผ่อน เป็นน้ำตกที่กำลังได้รับการพัฒนา เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ทางหลวงแผ่นดิน

บ้านลุงเปลื้อง ฉายรัศมี

อำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์
ลุงเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทดนตรีพื้นบ้าน ประจำปี พ.ศ.2529 ภายในบ้านจัดแสดงการผลิตเครื่องดนตรีพื้นบ้านหลายชนิด เช่น พิณ แคน ซอ โปงลาง เป็นต้น เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมดนตรีพื้นบ้านอีสาน ที่สำคัญยิ่งอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ผู้สนใจสามารถเข้าศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ ได้ที่วิทยาลัยนาฎศิลป์ จังหวัดกาฬสินธุ์ วันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 4382 0366



 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น